**บทความต้นฉบับจัดทำโดย เจิ้งไค่หยาง CEO ของ JamboLive Technology LTD. โดยเนื้อหาบางส่วนอาจได้รับการดัดแปลงเพื่อให้เหมาะกับบริบทของผู้อ่านภาษาไทย
กลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา ผมได้รับเชิญเป็นผู้พูดในงาน "Top 100 Live" ของธุรกิจและการเงิน โดยในนั้นผมมีโอกาสในการแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับวิธีการทำให้การไลฟ์สดของแบรนด์เปลี่ยนเป็นเงิน เมื่อมาถึงช่วงถามตอบ มีผู้เรียนถามผมว่า
"การไลฟ์สดของแบรนด์อาจจะทำให้ลดภาพลักษณ์ของแบรนด์ไหม?"
คำถามนี้เป็นคำถามที่ถูกถามอยู่บ่อยครั้ง แต่ทุกครั้งที่ต้องตอบก็รู้สึกไม่สบายใจ เพราะการไลฟ์สดเพื่อขายสินค้าได้เป็นอุตสาหกรรมที่ก้าวหน้าแล้ว แต่เมื่อคนทั่วไปบางกลุ่มมองมา กลับกลายเป็นยังคงมองการไลฟ์สดเหมือนกับการลดทอนภาพลักษณ์ของแบรนด์
การขายสินค้าผ่านช่องทางไลฟ์สดเป็นการรวมกันของสื่อ โซเซียลมีเดีย การจัดหาสินค้า การตลาด และความบันเทิงในรูปแบบใหม่ เรียกได้ว่าเป็น "ช่องทางส่วนตัว" (Self-channel) หมายความว่า นอกจากการสร้างแบรนด์ ขายสินค้า และสร้างข้อความ แล้วยังเป็นการโปรโมตและสร้างชื่อเสียงให้กับผู้ไลฟ์อีกด้วย
ปีนี้หลังจากเหตุการณ์ ที่เขย่าขวัญในเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาดใหญ่ในฮัวเหลียน ไต้หวัน ไม่กี่วันหลังจากนั้นภรรยาของผมได้ตั้งใจจะจัดงานไลฟ์สดขายสินค้าเพื่อที่เราจะบริจาคส่วนของรายได้จากการขายสินค้าในคืนนั้นให้กับผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในฮัวเหลียน ในคืนนั้น มีจำนวนผู้ร่วมสนับสนุนผ่านช่องทางออนไลน์มากกว่า 500 คน ซึ่งได้ร่วมกันบริจาคเงิน 100,000 บาทให้กับชาวฮัวเหลียน นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเธอซื้อของแล้วไม่รู้สึกผิดหวังและยังเชื่อมั่นในตัวเองอีกด้วย เหตุการณ์นี้ทำให้เราเห็นได้ว่า การไลฟ์สดไม่เพียงแต่ส่งเสริมเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังสามารถส่งเสริมการช่วยเหลือสังคมอีกด้วย ซึ่งนี่เป็นช่องทางใหม่ที่ทำให้แบรนด์ต่างๆ สามารถสื่อสารกับผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เรื่องราวที่เต็มเป็นด้วยความหวังปนเศร้า ของคุณ ไช่เล่ย (Tsai Lei) อดีตรองประธานกรรมการ JD.com ที่ให้ความสำคัญต่อการไลฟ์สดจนถึงวินาทีสุดท้าย
อดีตรองประธานบริหาร JD.com ในปี 2019 รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรค ALS หรือ โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ในตอนที่อายุ 40 ปี สิ่งที่น่าเศร้าคือ คุณไช่เล่ย เพิ่งแต่งงานได้เพียงหนึ่งปี และมีลูกที่พึ่งลืมตามาดูโลกแค่ไม่กี่เดือน ก็ได้มารับรู้ว่าชีวิตของเขาเหลืออีกเพียง 2-5 ปี เท่านั้น จากการอยู่จุดสูงสุดของชีวิต ทุกสิ่งกลับเหมือนพังลงมาต่อหน้าต่อตา แต่คุณไช่เลยไม่ยอมให้ตนเองจมอยู่ในความเสียใจ แต่กลับมองหาทุกช่องทางที่จะหาทางรักษา เขาใช้ความเชี่ยวชาญในด้านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เงินทุน และการจัดทำเงิน เชื่อมโยงกับโรงพยาบาล ศูนย์วิจัย และบริษัทเทคโนโลยีพัฒนายา รวมถึงเป็นที่เชื่อมโยงระหว่างผู้ป่วยหลากหลายประเภท เขาได้ร่วมกันก่อตั้งแพลตฟอร์มข้อมูลเกี่ยวกับโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ALS) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
เมื่อร่างกายของเขาเริ่มสูญเสียความสามารถในการขยับ พวกเขาคู่สามีภรรยาก็ต้องพยายามทำงานเพื่อให้ครอบครัวดำเนินชีวิตต่อไปได้ โดยเริ่มทำการขายสินค้าผ่านช่องทางการไลฟ์สดโดยขายสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน การไลฟ์สดครั้งแรกของเขามีผู้ชมอยู่เพียง 23 คน แต่พอเวลาผ่านไปไลฟ์สดของเขา ก็เติบโตไปจนถึงการมีผู้ชมเข้าไปดูมากกว่า 70,000 คน และสามารถหาเงินได้มากกว่า 800,000 หยวน หรือราวๆ 4 ล้านบาท ในระยะเวลาเพียง 2 ชั่วโมง เมื่อคุณ ไช่เล่ยเหลือเพียงไม่กี่นิ้วของมือที่ยังสามารถเคลื่อนไหวได้ การขายสินค้าผ่านช่องทางไลฟ์สดก็ได้ถูกโอนไปยังภรรยาของเขา ในเวลากลางวันเธอไปทำงานในสำนักงานของนักบัญชี และในเวลากลางคืนเธอจะทำการไลฟ์สดเพื่อหารายได้ให้ครอบครัว
ในปีที่ผ่านมาคุณไช่เล่ย ได้ทำการไลฟ์สดขายสินค้าบนแพลตฟอร์มของตัวเอง เพื่อหนังสือที่เขียนโดยเขาที่มีชื่อว่า "相信" ซึ่งแปลเป็นไทยได้ว่า เชื่อมั่น และในขณะนั้นการขายเขาเพียงแค่สามารถพูดได้เพียงว่า "ยินดีต้อนรับสู่การเป็นผู้ติดตาม" เท่านั้น มีผู้ชมหลายคนที่ต้องการให้เขาพักผ่อนบ้าง โดยการเสนอเงินเยียวยาที่รวมถึง 5 ล้านหยวน หรือราวๆ 25 ล้านบาท เพื่อให้เขาพัก แต่เขากลับปฏิเสธไป เพราะเขายืนกรานในการตัดสินใจที่จะทำการไลฟ์สดต่อไป
ไม่ว่าผมจะได้อ่านเรื่องราวของเขาอีกกี่ครั้ง ผมไม่สามารถหยุดคิดได้ว่าถ้าหากเราเชื่อว่าเรามีความเชื่อมั่นเราสามารถเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ และทำให้เรามีส่วนร่วมในการสร้างสิ่งดี ๆสู่สังคมได้
สนใจใช้ระบบดูด CF ไลฟ์สด ดูดออเดอร์และจัดการหลังบ้านร้านค้าออนไลน์ติดต่อ:
LINE: @jamboliveth (มี@)
INBOX: http://m.me/jamboliveth
WEBSITE: https://th.jambolive.tv/
โทร: 095-174-4436